ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) กุลเชษฐ์แห่งสกุลบุนนาคได้จัดการประชุมวงศ์ญาติแห่งสกุล เพื่อให้พี่น้องได้มาพบปะวิสาสะกัน ที่วัดประยูรวงศาวาส ณ ตึกแบบโกธิก ชื่อ "พรรณนาคาร" ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างเป็นอนุสรณ์ให้แก่ท่านผู้หญิงพรรณ ภริยาสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)


เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)

วงศ์ญาติที่ได้รับเชิญมาร่วมประชุมคราวนี้ มีมาจากทุกสกุลที่เป็นเชื้อสกุลวงศ์จากท่านเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) ผู้เป็นต้นสกุล และภริยาคือ ท่านผู้หญิงหรือเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (นวล) ซึ่งเป็นน้องของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑

พวกญาติเหล่านี้มีสกุลที่สืบมาจากบุตรของเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) แต่มิได้เกิดจากเจ้าคุณพระราชพันธุ์ นวล คือสกุลศุภมิตร, จาติกรัตน์, บุรานนท์ และราชสกุลฉัตรกุล เป็นต้น

ส่วนสกุลฝ่ายราชินิกุล ซึ่งเป็นพี่ชายและน้องสาวของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี และเจ้าคุณพระราชพันธุ์ นวล คือ ชูโต สวัสดิ์-ชูโต แสง-ชูโต และ ณ บางช้าง ก็ได้รับเชิญมาพร้อมเพรียงกัน

ส่วนพวกที่อยู่ในสกุล ณ นคร ที่เป็นลูกหลานของเจ้าพระยามหาสิริธรรม (น้อยใหญ่ ณ นคร) และภริยาคือ ท่านผู้หญิงเผือก ธิดาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) นั้นได้รับพระราชทานนามสกุลว่า โกมารกุล ณ นคร ก็ถือว่าเป็นญาติสนิทในสกุลบุนนาค

อีกสกุลหนึ่งคือ สกุลจาตุรงคกุล ซึ่งเป็นบุตรหลานของพระยาเสน่หามนตรี (น้อยเอียด ณ นคร) และภริยาคือ คุณปลัดเสงี่ยม หรือคุณหญิงเสงี่ยม เสน่หามนตรี ผู้เป็นพระพี่เลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ก็เป็นหลานของเจ้าคุณพระราชพันธุ์แก้ว ต้นสกุล ณ บางช้าง

จึงนับเป็นญาติอันสนิท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามสกุลพวกนี้ว่า "จาตุรงคกุล" เพราะเป็นสกุลเดียวที่มีบรรพบุรุษและสตรีสืบลงมาจาก ๔ สกุลใหญ่ คือ บุนนาค, ชูโต, ณ บางช้าง และ ณ นคร

ส่วนสกุล บุณยรัตพันธุ์ บางสาย มีบรรพสตรีเป็นสกุลบุนนาคและชูโต ก็ถือเป็นญาติที่ใกล้ชิดด้วย

ในการชุมนุมเครือญาติครั้งนี้พวกสกุล ณ บางช้าง ซึ่งเรียกว่าญาติบ้านนอก ก็ลงมาร่วมชุมนุมจากอัมพวา สมุทรสงคราม เป็นจำนวนมาก

ญาติที่ได้รับเชิญมาในงานนี้มีมากมายเป็นจำนวนร้อย รวมทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ได้พบปะสังสรรค์กันเป็นที่รื่นเริงสนุกสนาน

งานนี้มีถึง ๓ วัน มีอาหารและของว่างเลี้ยงและของชำร่วยแจกตลอดงาน

ในพระวิหารวัดประยูรวงศาวาส ได้อันเชิญอัฐิของบรรพบุรุษบรรพสตรี มาให้ลูกหลานสักการบูชา ส่วนในพรรณนาคารได้จัดทั้งรูปปั้น รูปเขียนและรูปถ่ายของบรรพบุรุษ อีกส่วนหนึ่งไปประดิษฐานไว้ และจัดตั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้เป็นที่ประชุมวงศ์ญาติทั้งหมดที่เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นสภานายก จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เป็นปฎิคม และพระยาสุรินทร์ราชเสนี (สาย บุนนาค) เป็นเลขานุการ

ผู้ที่มาร่วมในงานสังสรรค์นี้ จะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยญาติผู้ใหญ่ที่มีความรู้พิเศษในเรื่องเครือญาติ ให้ประดับเข็มกลัดรูปโล่หรืออย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Code of Arms อย่างเล็ก มีรูปช้างสีขาวอยู่ด้านบน ติดมากับโบสีต่าง ๆ ซึ่งกำหนดให้สกุลบุนนาค หรือผู้ที่เป็นลูกหลานเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) ได้ติดโบสีแดง

สกุลชูโต สวัสดิ์-ชูโต และ แสง-ชูโต ประดับด้วยโบสีม่วงตามชื่อของคุณหญิงม่วง ซึ่งเป็นบรรพสตรีของสกุล สกุล ณ บางช้างให้ใช้โบสีขาว ตามชื่อของบรรพสตรีคือ เจ้าคุณพระราชพันธุ์แก้ว สกุล ณ นคร ที่มีเชื้อสายบุนนาค, ชูโต และ ณ บางช้าง ได้ประดับโบสีเขียว ส่วนรูปช้างที่อยู่ด้านบนของเข็มนั้น เข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) หรือของสมเด็จเจ้าพระยาบรมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เพราะตราประจำตัวของเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) และเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ก็มีรูปช้างอยู่ด้านบนด้วยเช่นกัน

เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร) และพระยาราชสมบัติ (เอิบ บุรานนท์) ซึ่งสืบสายสกุลมาจากเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) และอนุภรรยา ก็ให้ประดับเข็มและโบสีแดงเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในสกุลบุนนาค

สมาชิกบางคนได้รับแจกเข็มและโบหลายสี เพราะสืบสกุลมาจากหลายสกุลอย่างเช่นพวกสกุล จาตุรงคกุล จะได้รับถึง ๔ สี จนเจ้าพระยาภาสกรวงศ์พูดล้อพระยาจาตุรงค์สงคราม (สงกรานต์ จาตุรงคกุล) ว่าทำไมไม่นับสายขุนหลวงตากเข้าไปด้วย จะได้เป็นเบญจรงคกุล เพราะบรรพสตรีท่านหนึ่งของสกุลนี้เป็นพระธิดาของสมเด็จเจ้าฟ้าพงศ์นรินทร์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


ญาติสมาคมที่ตั้งขึ้นโดยเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ถ่ายรูปร่วมกันหน้าพรรณาคาร ใน พ.ศ. ๒๔๕๔
โปรดสังเกตรูปช้างที่อยู่บนหลังคาอาคารนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสกุลบุนนาค

งานประชุมเครือญาติคราวนี้ สำเร็จเรียบร้อยเป็นที่สนุกสนานพอใจของทุกคน แต่หลังจากเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว งานชุมนุมเครือญาตินี้ก็ได้ล้มเลิกไป จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบพระชันษา ชมรมสายสกุลบุนนาคจึงได้จัดการรวมตัวชุมนุมกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อสำแดงความจงรักภักดี โดยจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ และนำรายได้จากกิจกรรมนี้ขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย พร้อมทั้งทูลเกล้าฯถวายหนังสือ "สกุลบุนนาค" ซึ่งชมรมได้จัดทำขึ้น

สกุลบุนนาคและเครือญาติ จะได้ทำความรู้จักกับผู้ที่อยู่ในสกุลนี้ดีขึ้นจากหนังสือ "สกุลบุนนาค" ซึ่งชมรมได้จัดทำขึ้นด้วยความพิถีพิถันงดงาม ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็เป็นหลักฐานแสดงถึงความสำเร็จและประโยชน์ที่สมาชิกในสกุล ได้ปฏิบัติเพื่อประเทศชาติ และได้ถวายความจงรักภักดีในพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรีมาถึง ๙ รัชกาล

บทความโดย คุณนัดดา อิสรเสนา ณ อยุธยา


 

 

Copyright © 2005 Bunnag.in.th All rights reserved.