แผนที่อยุธยาฉบับพระยาโบราณราชธินินทร พ.ศ. ๒๔๖๙

ในสมัยกรุงธนบุรี เพื่อนและญาติหลายคนของนายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) ได้ถวายตัวรับราชการในพระเจ้ากรุงธนบุรี รวมทั้งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี (ทองด้วง) ซึ่งพระมหามนตรี (บุญมา) ผู้น้องชวนมารับราชการในพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย ส่วนนายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) ไม่ยอมเข้ารับราชการ ทั้งยังขอมิให้ญาติและเพื่อนฝูงกล่าวชื่อตนให้เข้าพระกรรณพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นอันขาด เนื่องจากมีเรื่องหมางใจกันมาแต่เยาว์

มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ในแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ มีเด็กชายสามคน คนหนึ่งชื่อ สิน บุตรจีนแต้ไหฮอง ซึ่งเจ้าพระยาจักรีในเวลานั้นขอมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม คนหนึ่งชื่อ ทองด้วง บุตรหลวงพินิจอักษร (ทองดี) เสมียนตรากรมมหาดไทย คนหนึ่งชื่อ บุนนาค บุตรพระยาจ่าแสนยากร (เสน) สามคนนี้เป็นเพื่อนเล่นรักใคร่กันมาก เมื่ออุปสมบทเป็นสามเณรก็อยู่วัดสามวิหารด้วยกัน ครั้งหนึ่งสามเณรบุนนาค ได้รับนิมนต์ให้เทศน์กัณฑ์มัทรีในศาลาการเปรียญ ขณะที่กำลังเทศน์อยู่ สามเณรสินแอบเข้าไปถอดบันไดออกจากธรรมาสน์ พอสามเณร บุนนาค เทศน์จบห่อคัมภีร์แล้วไม่ทันดูว่าธรรมาสน์มีบันไดหรือไม่ เมื่อก้าวลงมาจึงพลัดตกลง สามเณรบุนนาคได้รับทั้งความเจ็บความอาย

เมื่อสึกจากสามเณรแล้ว เจ้าพระยาจักรีได้นำนายสินเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ส่วนนายทองด้วงกับนายบุนนาคนั้นบิดานำขึ้นถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระราชวังบวร แม้รับราชการแยกแห่งกัน ทั้งสามคนนี้ก็ยังพบปะเที่ยวเล่นด้วยกันเสมอ วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสามคนนอนคุยกันที่หน้าบ้านเจ้าพระยาจักรี นายสินเคลิ้มหลับไป นายสินเวลานั้นยังไว้ผมเปีย นายบุนนาคเห็นได้ทีก็ค่อยๆ เอาผมเปียนายสินผูกเข้ากับฟากเรือนที่นอนกันอยู่โดยมิให้นายสินรู้สึกตัว ผูกแน่นดีแล้วก็ทำเสียงดังเอะอะขึ้น นายสินตื่นขึ้นด้วยความตกใจ รีบลุกขึ้นกระชากผมเปียตนเองโดยแรง คนที่ได้เห็นก็พากันหัวเราะ เป็นเหตุให้ทั้งสองคนมีความหมางเมินกันตั้งแต่นั้นมา ต่อมาเมื่อนายสินได้ขึ้นเป็นพระเจ้ากรุงธนบุรี และนายทองด้วงเป็นเจ้าพระยาจักรี นายบุนนาคจึงไม่กล้าถวายตัวรับราชการในพระเจ้ากรุงธนบุรีเนื่องด้วยเรื่องผิดใจกันดังกล่าว

เมื่อหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี (ทองด้วง) เข้ามารับราชการในพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระราชวรินทร์ และขึ้นเป็นเจ้าพระยาจักรีต่อมา นายบุญมาน้องชาย โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ ส่วนนายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) ยังคงอยู่กับเจ้าพระยาจักรีตลอดมา โดยเป็นทนายคอยถือพานทองล่วมหมากตามหลังเจ้าพระยาจักรีไม่ว่าจะไปไหน แต่ต่อมานายฉลองไนยนารถเกรงพระเจ้ากรุงธนบุรี จะทอดพระเนตรเห็น และจะทราบเรื่องของตน จึงไม่ตามเจ้าพระยาจักรีเข้าไปในพระราชวังอีก เพียงแต่รับใช้กิจการอยู่ภายนอกเท่านั้น

ต่อมานายฉลองไนยนารถ ชวนท่านลิ้มผู้เป็นภรรยาไปขุดทรัพย์ที่บิดาฝังไว้ ณ กรุงเก่า เมื่อตอนกรุง ศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่าเพื่อไม่ให้ตกเป็นของข้าศึก หลังจากขุดสมบัติได้แล้วจึงเดินทางกลับ ล่องเรือเข้ามาทางแม่น้ำอ้อมเมืองนนทบุรี มาถึงปากคลองบางใหญ่ถูกผู้ร้ายปล้นสมบัติ ภรรยาและข้าทาสอีกสองคนถูกฆ่าตาย นายฉลองไนยนารถกับทาสอีกหนึ่งคนต้องกระโดดน้ำหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินเลย

เมื่อท่านผู้หญิงนาก ภรรยาของเจ้าพระยาจักรีทราบถึงเหตุร้ายดังกล่าว เกิดความสงสารนายฉลองไนยนารถ จึงยกท่านนวล น้องสาวให้เป็นภรรยาโดยเป็นผู้ประกอบพิธีสมรสให้ ดังนั้นนายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องในฐานะเป็นน้องเขยของเจ้าพระยาจักรีกับท่านผู้หญิงนากด้วย นอกเหนือจากเป็นเพื่อนและเป็นผู้คอยรับใช้ช่วยเหลือแล้ว

ครั้นถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ปีพุทธศักราช ๒๓๒๕ หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ทรงปราบดาภิเษกแล้วได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งเคยทำความดีความชอบให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ เช่น เจ้าพระยาสุรสีห์ได้รับสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เป็นต้น ทั้งยังทรงตั้งตำแหน่งเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยหลายกรม กอง สำหรับผู้สืบสายเฉกอะหมัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งครั้งนั้นมี ๕ ท่าน คือ

ท่านแจ่ม ธิดาท่านผู้หญิงแก้วมหาเสนา กับเจ้าพระยากลาโหมคลองแกลบ ซึ่งเป็นพี่ต่างมารดาของเจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) เป็นท้าววรจันทร์

หลวงศรีนวรัตน์ (ก้อนแก้ว) บุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (เชน) เป็นพระยาจุฬาราชมนตรีแทนบิดา
พระพลเมืองเพชรบูรณ์ (บุญมา) บุตรเจ้าพระยามหาเสนา (เสน) เป็นพระยาตะเกิง (ได้เป็นเจ้าพระยามหาเสนาในสมัยรัชกาลที่ ๒)
นายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) บุตรเจ้าพระยามหาเสนา (เสน) น้องต่างมารดาของท่านบุญมา ได้เป็นพระยาอุไทยธรรม (ตอนปลายรัชกาลที่ ๑ ได้เป็นเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาที่สมุหพระกลาโหม)
ท่านน้อย บุตรจมื่นไวยวรนารถ (หนู) หลานเจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) เป็นหลวงนายสิทธิ์มหาดเล็ก

ผู้สืบเชื้อสายในวงศ์เฉกอะหมัดในชั้นที่หกนี้มี ๘ ท่าน อยู่ในกรุงสยาม ๕ ท่านดังกล่าวแล้ว ส่วนอีก ๓ ท่านได้แก่ ท่านเป้า ท่านแป้น และท่านทองดี ธิดาเจ้าพระยามหาเสนา(เสน) พี่สาวต่างมารดาของท่านบุนนาคนั้นเป็นเชลยตกไปอยู่เมืองพม่า และไม่มีใครทราบเรื่องราวของท่านทั้งสามเลย

วงศ์เฉกอะหมัดอันรวมเป็นวงศ์เดียวกันมา ๕ ชั่วคนนั้น ตั้งแต่ชั้นที่หกนี้ไปแยกออกไป ๕ สาย และเมื่อครั้งตั้งนามสกุลคนไทยในแผ่นดินสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ สายหนึ่งๆ ยังแยกออกเป็นหลายสกุล

หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงประวัติผู้สืบสายสกุลโดยตรงจากเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับท่านเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (นวล) ซึ่งมีบิดาใช้นามสกุลว่า "บุนนาค" และเป็นผู้ที่มีเกียรติประวัติ ผลงานรับใช้ประเทศชาติและราชบัลลังก์ ด้วยความจงรักภักดีตลอดมา

 
1 | 2 | 3

 

 

Copyright © 2005 Bunnag.in.th All rights reserved.