นอกจากจะทรงสร้างและบูรณะวัดด้วยพระองค์เองแล้ว ยังทรงชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนเสนาบดีขุนนางผู้ใหญ่ ช่วยกันสร้างและปฏิสังขรณ์วัดอีกด้วย จึงได้เกิดประเพณีของการสร้างวัดในที่ดินของตน เป็นวัดประจำตระกูลขึ้นมากมาย เช่นวัดในตระกูลบุนนาค เริ่มจากวัดประยุรวงศาวาสและวัดพิชยญาติการาม เป็นต้น

วัดประยุรวงศาวาสและวัดพิชยญาติการาม เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาคู่เคียงกัน เป็นวัดพี่วัดน้อง โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานชื่อวัดให้ทั้งสองวัดคือ วัดประยุรวงศาวาส เป็นวัดที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เป็นผู้สร้าง ส่วนวัดพิชยญาติการามนั้น สมเด็จเจ้า พระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นผู้สร้าง ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันคือ เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (นวล) ทั้งสองวัดสร้างเสร็จในรัชกาลที่ ๓ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๑ - ๒๔๗๕ โดยประมาณ หลักฐานข้อความเรื่องการสร้างวัดทั้งสองมีปรากฎอยู่ใน เพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ซึ่ง นายมี ได้แต่งขึ้น แล้วทูลเกล้าฯ ถวายตอนหนึ่งว่า

ทรงส่งเสริมให้ขุนนางสร้างวัด
ยังไม่เปรมเอมอิ่มพระกุศล
บำเพ็ญผลต่อไปไม่หน่ายหนี
ดำริการหว่านผลกับมนตรี
จะให้มีศรัทธาสร้างอาราม
หวังจะให้ได้ผลกุศลมาก
บริจาคทรัพย์หลวงออกตวงหาม
ให้มนตรีสุริยวงศ์ผู้ทรงนาม
ไม่สังกัดนับชั่งในสังขยา
สุริยวงศ์ ทรงรับกับพระยา
ก็ปรีดาปราโมทย์ด้วยโปรดปราน
ฯลฯ ฯลฯ
คุณพระคลังสร้างใหม่ท้ายบุรี
ชื่อนพคุณทารามอร่ามศรี
ลงบัญชีชื่อวัดประยูรวงศ์
วัดพระยาศรีพิพัฒน์บัญญัตินาม
พระยาญาติการามงามระหง
ฯลฯ ฯลฯ

ภาพถ่ายทางอากาศวัดประยุรวงศาวาสเปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน

วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๑ ที่บริเวณสวนกาแฟ ซึ่งมีอาณาเขตติดกับบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ พ.ศ. ๒๓๗๕ ได้ถวายเป็น พระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชนามว่า วัดประยุรวงศาวาส ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก เพราะมีรั้วเหล็กเป็นกำแพงวัดอยู่เป็นบางตอน รั้วเหล็กนี้สูงประมาณ ๓ ศอกเศษ ทำเป็นรูปอาวุธคือ หอก ดาบ และขวาน กล่าวกันว่า รั้วเหล็กนี้ เดิมสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์สั่งเข้ามาจากประเทศอังกฤษ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า อยู่หัวใช้ล้อมเป็นกำแพงพระราชวัง แต่ไม่โปรด จึงขอรับพระราชทานมาใช้ล้อมเป็นกำแพงในวัด โดยใช้น้ำตาลทรายแลกเปลี่ยนกันตามน้ำหนัก ในคราวเดียวกันนั้นยังทูลเกล้าฯ ถวายพรมผืนใหญ่ ๑ ผืน กับโคมกิ่งแก้ว ๓ โคม ซึ่งไม่ทรงโปรด จึงได้ทูลขอ พระราชทานโคมไปประดับในพระอุโบสถวัดนี้


พระอุโบสถวัดประยุรวงศาวาส


หน้าบัน ลายดอกบุนนาค

พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทย หน้าบันเป็นลายดอกบุนนาค ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พุทธประวัติ ส่วนพระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยเช่นกัน ในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธนาคน้อย (หลวงพ่อนาค) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้สร้างพระเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่ ถือว่าเป็นเจดีย์แบบลังกาองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๒๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้ให้ซ่อม พระวิหาร เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา ปิดทองประดับกระจกใหม่ ซ่อมศาลาและพระอุโบสถใหม่ ในปีถัดมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดนี้

พ.ศ. ๒๔๒๘ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้ซ่อมกำแพงแก้วและซุ้มสีมา สร้างศาลาใหญ่ ๑ หลัง พร้อมกับบูรณะส่วนที่ทรุดโทรมไป นอกจากนี้ได้สร้างโรงเรียนหนังสือไทยที่ข้างพระเจดีย์ใหญ่ ชื่อว่า โรงเรียนไทยประยุรวงศ์ และโรงเรียนพระปริยัตติธรรม อุทิศแด่ท่านลูกอินผู้มารดาและสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ผู้บิดา ให้ชื่อนามศาลาว่า "พรินปริยัติธรรมศาลา" ได้ประพันธ์เป็นบทโคลงจารึกในแผ่นศิลา ๒ ข้างประตู ในครั้งนี้จมื่นทิพรักษา (พิณเทพเฉลิม บุนนาค) ได้สมทบเงินออกค่าศิลาปูพื้นด้วย

พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทย หน้าบันเป็นลายดอกบุนนาค ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พุทธประวัติ ส่วนพระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยเช่นกัน ในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธนาคน้อย (หลวงพ่อนาค) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้สร้างพระเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่ ถือว่าเป็นเจดีย์แบบลังกาองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๒๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้ให้ซ่อม พระวิหาร เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา ปิดทองประดับกระจกใหม่ ซ่อมศาลาและพระอุโบสถใหม่ ในปีถัดมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดนี้

พ.ศ. ๒๔๓๖ ได้สร้างตึกอีกหลังหนึ่งใช้เป็นกุฏิหรือโรงเรียน จารึกนามว่า "ท้าวราชกิจวรภัตร ร.ศ. ๑๑๒" อยู่ริมคลองด้านหลังวัด (ท้าวราชกิจวรภัตรศรีสวัสดิ์สมาหาร (แพ บุนนาค) เป็นพี่สาวของพระยาอภัยสงคราม (นกยูง บุนนาค)


พระะพุทธนาคน้อย

ต่อมาได้มีการสร้างถาวรวัตถุเพิ่มขึ้น และปฏิสังขรณ์โดยเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) พระยาอุทัยธรรมมนตรี (จีน บุนนาค) เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (แพ) เจ้าจอมเลียม เจ้าจอมพิศว์ ในรัชกาลที่ ๕ และอีกหลายท่าน

พ.ศ. ๒๔๕๔ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้ประชุมพี่น้องสกุลบุนนาคตั้งเป็นญาติสมาคมขึ้น ได้อัญเชิญอัฐิของบรรพบุรุษในสายนี้ ได้แก่ อัฐิสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์เป็นต้น มาประดิษฐานไว้ในวิหาร และต่อมาทายาทได้นำอัฐิของพี่น้องในตระกูลบุนนาคมาบรรจุในพระเจดีย์ใหญ่ บางท่านบรรจุในเจดีย์เล็กๆ บริเวณเขามอ เป็นต้น


รั้วเหล็กทำเป็นรูปอาวุธ คือหอกดาบขวาน


วัดประยุรวงศาวาสในอดีต


1 | 2 | 3 | 4 | 5


 

Copyright © 2005 Bunnag.in.th All rights reserved.