วัดศรีสุริยวงศาราม วัดศรีสุริยวงศาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดศรีสุริยวงศ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะธรรมยุต ตั้งอยู่ที่ถนนอัมรินทร์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่เศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ในรัชกาลที่ ๕ ได้สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว วัดนี้มีศิลปกรรมที่แปลกกว่าวัดอื่นๆ ในจังหวัดราชบุรี คือ พระอุโบสถ กุฏิ และเจดีย์ สร้างแบบศิลปไทยประยุกต์ ผสมศิลปแบบตะวันตก ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในสมัยนั้น ในหนังสือสมุดราชบุรีกล่าวถึงวัดศรีสุริยวงศ์ว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้สร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๑๗ หลังจากวัดสัตตนารถปริวัตร ๓ ปี เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้กราบบังคมทูลถวายวัดนี้ให้เป็นพระอารามหลวง และขอพระราชทานนามวัดและที่วิสุงคามสีมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามวัดว่า "วัดศรีสุริยวงษาวาส" (ตามลายพระราชหัตถเลขา ร.ท จ.ศ. ๑๒๔๑) และมี พระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ (ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑ จ.ศ. ๑๒๔๖ พ.ศ. ๒๔๒๗ ชื่อวัดพระราชทานนามว่า "วัดศรีสุริยวง-ษาราม") ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระครูอุดมบัณฑิต (อ่อน) จากวัดพิชยญาติการาม มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานเงินสมทบในการปฏิสังขรณ์วัดศรีสุริยวงศ์ จำนวน ๕๐ ชั่ง ในวันซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสมภพ สมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ดังปรากฏในลายพระราชหัตถเลขา ร.ที่ ว่า ร.ที่
ในขณะที่สมเด็จเจ้าพระยาฯ ทำการก่อสร้างวัดอยู่นั้น ท่านได้อนุญาตให้นายอากรซือ สร้างศาลเจ้าขึ้นหลังหนึ่ง ในบริเวณที่ดินของท่าน ซึ่งอยู่ติดกับวัดและศาลามณฑล ศาลเจ้านั้นคือ ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวราชบุรีมาก ตรงแท่นบูชาของศาลเจ้ามีป้ายชื่อของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นการแสดง ถึงความกตัญญูต่อผู้มีอุปการคุณ
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสไทรโยค ในปี พ.ศ. ๒๔๒๐ ได้เสด็จแวะเมืองราชบุรี ทรงพระราชนิพนธ์ ไว้ว่า "วัดโคกตลุงกำลังทำการค้างอยู่ มีโบสถ์เหมือนวัดสัตตนารถปริวัตรหลังหนึ่ง กุฏิ ๕ ห้องเล็กๆ ๒ หลัง ๒ ห้อง เฉลียงรอบเห็นจะเป็นกุฏิสมภารหลังหนึ่ง หอฉันหลังหนึ่ง สิ่งละเล็กๆ ทั้งนั้น ถ้าพระจะอยู่ได้สัก ๕ องค์ มีกุฏิฝาจากหลังหนึ่ง มีพระอยู่องค์เดียว บอกว่าสมเด็จ- เจ้าพระยามาสร้าง" ลักษณะหน้าบันของวัดโคกตลุงนี้ เป็นศิลปแบบยุโรป มีตราเป็นรูปรัศมีดวงอาทิตย์ ทำด้วยปูนปั้นนูนเป็นเครื่องหมายอยู่ สิ่งที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถ ซึ่งภายในประดับด้วยช่อไฟ และเจดีย์เล็กๆ หลังพระอุโบสถ เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ไปทำการขุดคลองดำเนินสะดวกนั้น ได้ขุดมาถึงหลักห้าตัดกับคลองโพหัก ก็ระลึกถึงโคกไผ่ที่บิดา (สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่) เคยปรารภว่าจะสร้างวัด ตั้งแต่ครั้งมาตรวจสถานที่เพื่อขุดคลอง เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จึงให้สร้างวัด ณ ที่นี้ เมื่อเสร็จแล้วได้ทำการผูกพัทธสีมา ถวายเป็นอารามสงฆ์ แล้วตั้งชื่อวัดว่า "วัดสมเด็จพระปราสาทสิทธิดาราม" วัดนี้ควรจะชื่อว่า "วัดสมเด็จพระประศาสน์สิทธิ การาม" ซึ่งแปลว่า วัดที่สมเด็จพระประศาสน์เป็นผู้สร้าง จึงจะถูกต้อง เพราะสมเด็จพระประศาสน์ในที่นี้ หมายถึง สมเด็จเจ้าพระยาบรมหาศรีสุริยวงศ์ แต่ต่อมาชาวบ้านอาจเรียกและเขียนผิดไป กลายเป็น "วัดสมเด็จพระปราสาทสิทธิดาราม" (จากการสัมภาษณ์ นายภาวาส บุนนาค รองราชเลขาธิการ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕)
วัดประดู่ฉิมพลี อยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ มีเนื้อที่เฉพาะเขตอารามประมาณ ๑๐ ไร่เศษ เป็นวัดใหญ่และงดงาม เขตด้านหน้าวัดติดคลองบางกอกใหญ่ มีศาลาท่าน้ำ ลานวัดภายในกำแพงปูด้วยแผ่นหินจากเมืองจีน พระอุโบสถ พระวิหารสร้างตามแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมจีน ยกฐานสูง ๒ ชั้น เป็นฐานพระอุโบสถชั้นหนึ่ง เป็นชานโดยรอบชั้นหนึ่ง มีบันไดขึ้นที่ฐานทั้ง ๔ ด้าน ภายในพระอุโบสถไม่มีเสา หลังคาลดหลั่น ๓ ชั้น ไม่มีช่อฟ้าใบระกาและคันทวย มีเสารายรับชายคาที่ยื่นมาปกคลุมมุขหน้าหลังและชานโดยรอบพระอุโบสถ หน้าบันเป็นแบบกะเท่แซ* บานหน้าต่างประตูปิดทองประดับกระจกลงยาลายแก้วชิงดวง พระประธานแบบสุโขทัย ฐานพระประธานเป็นฐานสิงห์ ปั้นปูนปิดทองประดับกระจก วัดประดู่ฉิมพลี มีพระสังฆาธิการปกครองเป็นเจ้าอาวาสตามลำดับมา มิได้มีการบันทึกไว้แน่ชัด พ.ศ. ๒๔๕๔ ปรากฎนามเจ้าอาวาสคือ พระอธิการโต๊ะ ได้จัดตั้งโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นชื่อ โรงเรียนวิริยบำรุง ต่อมาได้โอนเข้าเป็นโรงเรียนของเทศบาล และเปลี่ยนชื่อว่า โรงเรียนวัดประดู่ฉิมพลี พระอธิการโต๊ะได้ทำนุบำรุงปกครองดูแลวัดถึง ๖๙ ปี จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ สมณศักดิ์ขณะนั้นคือ พระราชสังวราภิมณฑ์ คนทั่วไปรู้จักในนาม หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี
|
Copyright © 2005 Bunnag.in.th
All rights reserved. |