พลับพลาที่อ่างศิลา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชดำริว่า ที่ชายทะเล ตำบลอ่างศิลา แขวงเมืองชลบุรีเป็นที่อากาศดี โปรดให้สร้างเป็นที่ประทับแห่งหนึ่ง กับที่เขาสามมุขด้านใต้ตำบลอ่างศิลา โปรดให้สร้างพลับพลาเป็นที่ประพาสด้วย การปลูกสร้างพระตำหนักที่สวนอ่างศิลานั้นสร้างชั่วคราว ได้ถมศิลาที่ชายทะเลก่อเป็นท่าจอดเรือ สร้างแต่พลับพลาที่เขาสามมุข ต่อมาเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่สมุหพระกลาโหม สร้างตึกอาศัยสถานหลังใหญ่ขึ้นหลังหนึ่ง และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) สร้างตึกอาศัยสถานหลังเล็กขึ้นอีกหลังหนึ่งที่ปลายแหลม สำหรับให้คนป่วยไปพักรักษาตัวเป็นการกุศล และใช้เป็นสถานที่พักตากอากาศด้วย

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จไปประพาสอ่างศิลาหลายครั้ง พลับพลาที่เขาสามมุขผุพังไปหมด เพราะเป็นพลับพลารับเสด็จชั่วคราว เมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงสำเร็จราชการแผ่นดิน โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ตึกอาศัยสถาน ๒ หลังนั้น พร้อมตกแต่งเครื่องใช้สอยครบบริบูรณ์ พระราชทานนามหลังใหญ่ว่า ตึกมหาราช นามหลังเล็กนั้นว่า ตึกราชินี

พระนครปฐม เมืองนครไชยศรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรด เกล้าฯ ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) เป็นแม่กอง กรมขุนราชสีหวิกรม เป็นนายช่าง สร้างพระราชวังขึ้นด้านตะวันออกพระปฐมเจดีย์ เมื่อครั้งทรงบูรณะปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ พระราชวังนี้สำหรับเป็นที่ประทับเวลาเสด็จออกไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ เป็นพระที่นั่งตึก ๒ ชั้น มีท้องพระโรง พลับพลากับโรงละคร ทั้งตำหนักเรือนจันทน์ฝ่ายใน พระราชทานนามว่า พระนครปฐม ภายนอกพระราชวังมีโรงม้าโรงช้าง และตึกที่ประทับสำหรับเจ้านายและที่พักข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เสด็จมาประทับแรมแต่ในรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่อก่อนสร้างทางรถไฟหลายครั้ง ต่อมาตึกและเรือนในบริเวณพระราชวังนครปฐมชำรุดจึงให้รื้อลงเสียส่วนใหญ่ ได้โปรดให้สร้างบริเวณพระปฐมเจดีย์ขึ้นเป็นเมือง ตั้งที่ว่าการมณทลนครไชยศรี แล้วทำทางรถไฟผ่านไปทางนั้น

พระนครคีรี


พระนครคีรีก่อนการบูรณะ

พระนครคีรี เมืองเพชรบุรี
พระนครคีรี หรือที่เรียกกันเป็นสามัญว่า เขาวัง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ ปรากฎหลักฐาน ในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) และประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๕ ว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เจ้า พระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่สมุหพระกลาโหม พระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (ท้วม บุนนาค) ปลัดเมืองเพชรบุรีเป็นนายงาน สร้างวังที่เขามหาสมณะ ซึ่งต่อมาพระราชทานนามใหม่ว่า เขามหาสวรรค์ (ปัจจุบันเรียกว่า เขามไหศวรรย์ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี)

ในการสร้างพระนครคีรีนี้ ได้สร้างพระราชวังบนยอดเขาทั้ง ๓ ยอด โดยนำสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิค มาเป็นแบบอย่างในการก่อสร้าง แต่ฝีมือช่างปั้นมีอิทธิพลของสถาปัตยกรรมจีนปรากฎออกมา เช่น

การปั้นสันหลังคา และกระเบื้องกาบกล้วย เป็นต้น การก่อสร้างเริ่มจากบนยอดกลาง ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของวัดอินทคีรี มีเจดีย์เก่าทรุดโทรมมาก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ใหม่ทับองค์เดิมและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระราชทานนามว่า พระธาตุจอมเพชร

ยอดเขาด้านทิศตะวันออก เดิมมีศาลาไม้ของวัดสมณะซึ่งชำรุดทรุดโทรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดประจำพระราชวังบนพระนครคีรี คือวัดพระแก้ว มีพระอุโบสถประดับด้วยหินอ่อน หลังคามุงกระเบื้องสี ใบระกาช่อฟ้า บราลีประดับกระจกฝีมือช่างหลวง หน้าบันปูนปั้นเป็นตราพระมหาพิชัยมงกุฏ ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาลที่ ๔ บริเวณวัดพระแก้วยังมีพระสุทธเสลเจดีย์ หอระฆัง ศาลาและพระปรางค์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "เจดีย์แดง"

ยอดเขาด้านตะวันตก เป็นส่วนที่ใช้ก่อสร้างพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับ มีหมู่พระที่นั่งหลายองค์ และอาคารต่างๆ ได้แก่พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงมหรสพ หรือโรงโขน ศาลาลูกขุน และอาคารอื่นๆ อีก

พระราชวังบนเขาสัตนาถ

พระราชวังเมืองราชบุรี
การสร้างพระราชวังที่เมืองราชบุรี เนื่องจากมีพระราช ประสงค์จะทนุบำรุงหัวเมืองทางฝ่ายตะวันตกให้เจริญขึ้น ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอำนวยการขุดคลองภาษีเจริญ และขุดคลองดำเนินสะดวก ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ทำให้การค้าขายระหว่างเมืองราชบุรีกับพระนครสะดวกยิ่งขึ้น สมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้เดินทางไปหัวเมืองราชบุรีหลายครั้ง ได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเห็นควรว่าเป็นสถานที่เสด็จประพาสอีกแห่งหนึ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาฯ (ช่วง บุนนาค) กับเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ซึ่งได้เคยอำนวยการสร้างพระนครคีรีที่เมืองเพชรบุรีมาด้วยกัน สร้างพระราชวังที่เมืองราชบุรีบริเวณพลับพลาเดิม (พลับพลาแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จ ประพาสหัวเมืองชายทะเล ในพ.ศ. ๒๓๙๘) อยู่ริมน้ำทางฝั่งตะวันตกริมแม่น้ำแม่กลองตรงข้ามกับตัวเมืองราชบุรี สร้างพระที่นั่งเป็นตึกหลังใหญ่อยู่กลางหลังหนึ่ง แต่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ต่อมาโปรดให้ใช้เป็นโรงทหารระยะหนึ่ง แล้วพระราชทานให้เป็นที่สร้างสถานีตำรวจภูธร (พระราชวังริมน้ำได้ถูกรื้อไปแล้ว)

ปี พ.ศ. ๒๔๑๓ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) สร้างพระราชวังบนเขา สัตตนารถ (บางแห่งเรียกว่า สัตนาถ หรือเขาวัง) เพื่อเป็นที่ประทับแรมเวลาเสด็จประพาสเมืองราชบุรี พระราชวังนี้สร้างบนยอดเขาขนาดย่อม อยู่ทางฝั่งตะวันตก ห่างจากลำน้ำขึ้นไประยะทาง ๘๐ เส้น ได้ทำถนนและวางรางเหล็กสำหรับรถขนของตั้งแต่ริมน้ำขึ้นไปจนถึงเขาสัตตนารถ สร้างพระตำหนักบนยอดเขา เนื่องจากบนเขานี้มีวัดเก่าอยู่แล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดใหม่ ถวายเป็นพระอารามหลวงที่ในตัวเมือง แล้วพระราชทานนามวัดนั้นว่า วัดสัตตนารถฯ อันเป็นชื่อเดิมของวัดบนเขา

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสไทรโยค เมื่อเสด็จกลับมาถึงเมืองราชบุรี พอดีกับราชทูตโปรตุเกส เดินทางมาถึงพระนครทูลขอเฝ้าฯ สมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้กราบบังคมทูลขอให้เสด็จออกรับราชทูตโปรตุเกส ที่พระราชวังบนเขาสัตตนารถนี้ จะได้เป็นการเฉลิมพระเกียรติเหมือนเมื่อครั้งสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เสด็จออกรับ เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ (Chevalier de Chaumont) ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่พระราชวังเมืองลพบุรี อีกประการหนึ่งท้องพระโรงที่นี่กว้างใหญ่เท่าที่พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท ที่เมืองลพบุรี จึงโปรดเกล้าฯ ให้รับรองคณะราชทูต เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๐

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จมาประทับที่วังแห่งนี้เพียงครั้งเดียว ต่อมาถูกทิ้งให้รกร้าง จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้พระราชทานบริเวณนี้ ให้เป็นวิสุงคามสีมา ใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม เรียกชื่อวัดว่า วัดเขาวังราชบุรี

1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7


 

Copyright © 2005 Bunnag.in.th All rights reserved.