พระบรมบรรพต วัดสระเกศ

วัดสัตตนารถปริวัตร
ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี ที่ตั้งเดิมเป็นวัดร้าง อยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง มีชื่อวัดโพธิ์งาม หรือวัดกลางบ้าน (วัดโพธิ์งามนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยชาวไทยญวน ซึ่งอพยพจากเมืองเชียงรายมาอยู่ที่ราชบุรี) ในสมัยรัชกาล ที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) และเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม) หาที่สร้างพระราชวังที่เมืองราชบุรี และได้ทำการสร้างบนเขาสัตตนารถ และบริเวณดังกล่าวมีวัดร้างบนเขาอยู่แล้ว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์จะให้มีการผาติกรรม คือไถ่ถอนที่วัด เพื่อให้พ้นจากธรณีสงฆ์ สมเด็จเจ้าพระยาฯ จึงได้ดำเนินการตามพระราชประสงค์ฯ ได้ปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์งามขึ้นใหม่ และอัญเชิญพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ จากวัดเขาสัตตนารถ มาประดิษฐานที่วัดโพธิ์งาม และสร้างวิหารไว้หลังพระอุโบสถ พระราชทานนามวัดว่า "วัดสัตตนารถปริวัตร" ซึ่งแปลว่า "เปลี่ยนไปจากเขา สัตตนารถ"

วัดสัตตนารถปริวัตร ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ทรง โปรดเกล้าฯ ให้พระครูศีลคุณธราจารย์ จากวัดโสมนัสวิหารไปเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกที่วัดนี้

วัดมหาธาตุวรวิหาร ราชบุรี
วัดมหาธาตุวรวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของศาลากลาง จังหวัดราชบุรี ห่างประมาณ ๑ กิโลเมตร บนฝั่งตะวัน ตกของแม่น้ำแม่กลอง

เดิมเป็นวัดโบราณคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดราชบุรี สันนิษฐานว่าสร้างสมัยขอมเรืองอำนาจ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มีพระปรางค์สร้างด้วยศิลาแลง ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ คนส่วนมากนิยมเรียกว่าวัดหน้าพระธาตุ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้ย้ายเมืองราชบุรีมาอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลอง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๐ เนื่องจากชัยภูมิดี เหมาะสำหรับจะรับทัพพม่า ประชาชนจึงย้ายถิ่นฐานตามตัวเมือง วัดนี้จึงถูกทิ้งร้างไป

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เห็นว่าวัดนี้สภาพทรุดโทรมมากจึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถขึ้นใหม่ โดยมอบให้พระครูปลัดครื้น เจ้าอาวาสวัดช่องลม เป็นผู้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์ และให้เจ้าคุณจางวางกรับ ซึ่งเป็นนายช่าง สร้างมณฑปทางขวามือหน้าพระอุโบสถ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ทางจังหวัดได้ให้กรมการ เมืองย้ายสถานที่ที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา จากวัดตาล (วัดอมรินทราราม) ไปกระทำพิธีที่วัดมหาธาตุวรวิหารแทน

ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีในสกุลบุนนาค เป็นแม่กองอำนวยการสร้าง พระบรมมหาราชวัง พระราชวัง และพลับพลาที่ประทับหลายแห่ง ทั้งยังให้เป็นแม่กองสร้างวัด และขุดคูคลอง ถนนสายต่างๆ ทั้งภายในพระนครและต่างจังหวัด ซึ่งจะเรียบเรียงข้อมูลโดยสังเขปดังนี้

พระบรมบรรพต วัดสระเกศ
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่อย่างภูเขาทอง ที่พระนครศรีอยุธยา แต่ตรงที่ก่อสร้างเป็นชายคลองมหานาค พื้นหินอ่อน การก่อสร้างพระเจดีย์ทรุดลงทุกครั้ง จึงต้องหยุดการสร้างเจดีย์นั้นค้างอยู่เพียงฐานมาแต่รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (แพ บุนนาค) บุตรสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ผู้สร้างพระเจดีย์นั้นเมื่อรัชกาลที่ ๓) เป็นแม่กองและพระยาราชสงครามเป็นนายช่าง ซ่อมแปลงพระเจดีย์ที่ค้างอยู่นั้นให้เป็นภูเขาโดยสร้างพระเจดีย์ไว้บนยอด มีบันไดเวียนทางขึ้นไปได้ ๒ ทาง พระราชทานนามว่า บรมบรรพต เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๘ คนทั่วไปเรียกว่า ภูเขาทอง


วัดปทุมวนาราม

สระปทุมวันและวัดปทุมวนาราม
พ.ศ. ๒๓๙๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กอง พระยาสามภพพ่าย (หมู) เป็น นายงาน จ้างจีนขุดสระปลูกบัวที่ท้องนาริมคลองบางกะปิ บริเวณสระทำเป็นเกาะ ปลูกผักและพันธุ์ไม้ต่างๆ สร้างพระที่นั่งสำหรับประทับแรม มีพลับพลา โรงละคร เรือนเจ้าจอม โรงครัว พร้อมทั้งสร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งด้วย พระราชทานนามว่า วัดปทุมวนาราม

รัชกาลที่ ๔ ได้เสด็จมาประทับแรมเป็นครั้งคราว โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมลงพายเรือเก็บดอกบัวและพันธุ์ไม้ต่างๆ ให้พระสงฆ์พายเรือเข้าไปรับบิณฑบาต มีขบวน แห่ผ้าป่าและเล่นเพลงสักวาดอกสร้อยเป็นที่สนุกสนาน

ปัจจุบันวัดปทุมวนารามที่สร้างครั้งนั้นยังอยู่ แต่สระปทุมวันที่เคยเป็นอุทยานนั้นกลายเป็นที่รกร้าง ต่อมาได้มีการถมสระ ถมที่ สร้างศูนย์การค้าใหญ่ขึ้นแทน ปัจจุบันที่ดินบริเวณนั้นเป็นศูนย์การค้าเวิร์ลเทรดเซนเตอร์


พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
พระสมุทรเจดีย์นั้นในรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เป็นแม่กองสร้างเป็นพระเจดีย์ไม้สิบสองอยู่กลางเกาะ มีศาลาสี่ทิศ พ.ศ. ๒๔๐๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) เป็นแม่กอง พระยามหาอรรคนิกร พระอมรมหาเดชเป็นนายงาน ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ จัดซื้อศิลาถมขยายเกาะให้กว้างออกไป สร้างวิหารหลวงข้างด้านใต้พระเจดีย์ ๑ หลัง สร้างหอระฆัง และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิซึ่งได้เมล็ดมาจากพุทธคยา ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โปรดให้สร้างศาลาด้านเหนือพระเจดีย์เพิ่มอีกหลังหนึ่ง


พระสมุทรเจดีย์

วัดเกาะสีชัง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) เป็นแม่กอง สร้างวัด พระราชทานสำหรับพวกชาวเกาะจะได้ทำศาสนกิจ สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ที่บนเนินเขาตอนปลายแหลมด้านตะวันออก ต่อมาได้ย้ายไปสร้างที่ใหม่บนทางเหนือของเกาะ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระราชทานนามว่า วัดจุฑาทิศนธรรม

พระพุทธบาท พระนครศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กอง รื้อเครื่องบนพระมณฑปใหญ่ที่ชำรุด ซ่อม แซมตัวไม้ใหม่ และให้สร้างศาลาที่พักของสัปบุรุษที่ท่าเรือ เป็นศาลาก่ออิฐถือปูน ๓ หลัง ขุดบ่อน้ำทำศาลาเครื่องไม้ในระยะทางขึ้นพระบาทตั้งแต่บางโขมดจนถึงเขาตกหลายแห่ง สร้างกุฎิสงฆ์ที่วัดท้ายพิกุล ๗ หลัง ในบริเวณ พระพุทธบาทสร้างโรงธรรม ๑ หลังและศาลาเก้าห้อง ๑ หลัง

ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) ที่สมุหกลาโหม บูรณะตึกเก่าที่ริมบ่อโพง ๑ หลัง ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ) บูรณะโรงเครื่องริมประตูยักษ์ หลังหนึ่ง และสร้างกุฎีสงฆ์ที่วัดท้ายพิกุลอีกหลังหนึ่ง

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยกยอดพระมณฑป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๓

1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7


 

Copyright © 2005 Bunnag.in.th All rights reserved.