(1) ๓:ท พระสุริยภักดี มีนามว่า สนิท 
      เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๕ เป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ 
      (ทัต) กับท่านผู้หญิงน้อย (ธิดาของพระยาสมบัติยาธิบาลกับคุณหญิงม่วง สกุล ชูโต) 
      เข้ารับราชการ ในรัชกาลที่ ๓ เป็นนายเล่ห์อาวุธ หุ้มแพรมหาดเล็ก แล้วเป็นจมื่นประทานมณเฑียร 
      ปลัดกรมตำรวจ ต่อมาได้เลื่อนเป็นพระสุริยภักดี เจ้ากรมตำรวจ ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ 
      ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๑ อายุ ๒๖ ปี 
      กล่าวกันว่า พระสุริยภักดี หรือคุณชายสนิท บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ 
        หรือสมเด็จ เจ้าพระยาองค์น้อย อายุไล่เลี่ยกับคุณชายช่วง บุตรสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ 
        (ดิศ) หรือสมเด็จ เจ้าพระยาองค์ใหญ่ ทั้งสองท่านเป็นผู้ฉลาดเฉลียวและหน้าตาคมสันด้วยกันทั้งคู่ 
        ขณะที่คุณชายช่วงรับราชการได้เป็นถึงจมื่นไวยวรนารถ คุณชายสนิท ก็ได้เป็นจมื่นประทานมณเฑียร 
        ปลัดกรมพระตำรวจ และได้เป็นพระสุริยภักดี เจ้ากรมตำรวจ ก่อนที่คุณชายช่วงจะได้เป็นพระยาศรีสุริยวงศ์ 
        แต่บังเอิญมาเกิดเรื่องส่งเพลงยาวรักใคร่กันกับเจ้าจอมอิ่มจึงต้องพระราชอาญาถึงประหารชีวิต 
        ซึ่งเรื่องของท่านผู้นี้น่าจะจำไว้เป็นอนุสรณ์ถึงความซื่อ ตรงเที่ยงธรรมของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ 
        (ทัต บุนนาค) ผู้ต้องการรักษากฎหมายของแผ่นดินและความถูกต้องยิ่งกว่าความอาลัยรักในสายโลหิตของตน 
       
      หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในเรื่อง โครงกระดูกในตู้ 
        มีใจความว่า "เหตุเกิดเมื่อร้อยยี่สิบห้าปีมาแล้ว 
        อ้ายพลายอีทรัพย์ทาสคุณสุริยภักดี ทำเรื่องราวยื่นต่อเจ้าพระยาธรรมาว่าคุณสุริยภักดีรักใคร่กับเจ้าจอมอิ่มในรัชกาลที่ 
        ๓ คุณสุริยภักดีกับเจ้าจอมอิ่มติดต่อให้ข้าวของกัน และเจ้าจอมอิ่มสั่งให้มาบอกกับคุณสุริยภักดีว่าจะลาออกจากราชการมาอยู่บ้านพ่อแม่เสียชั่วคราวก่อน 
        แล้วจึงให้คุณสุริยภักดีส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอ พระสำราญราชหฤทัย (อ้าว) รู้เห็นเป็นใจด้วย 
        จะช่วยสู่ขอเจ้าจอมอิ่มต่อพระยามหาเทพ ผู้เป็นบิดาเจ้าจอมอิ่มให้ เมื่อเจ้าพระยาธรรมานำความกราบบังคมทูล 
        ก็โปรดฯ ให้ กรมหลวงรักษ์รณเรศร์ (หม่อมไกรสร ต้นตระกูลพึ่งบุญ) เป็นตุลาการ 
        ชำระได้ความว่า คุณสุริยภักดีและเจ้าจอมอิ่ม เป็นแต่ให้หนังสือเพลงยาวและข้าวของกันเท่านั้น 
        ไม่เคย พบปะพูดจากันที่ใด การชำระความได้เกี่ยวข้องไปถึงคนอื่นอีกถึง ๗ คน 
        คือ ผู้ที่รู้เห็น เช่น พระสำราญราชหฤทัย เป็นกรมวัง รู้แล้วก็นิ่งเสีย ตลอดจนคนอื่นที่เกี่ยวข้องกันทั้งสองฝ่าย 
        หมอดูหมอเสน่ห์ที่รู้เรื่อง เมื่อตุลาการนำความกราบบังคมทูลแล้ว ผู้ใหญ่เล่ากันว่า 
        พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าฯ มีพระกระแสรับสั่งให้สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย 
        ซึ่งขณะนั้นเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ธิบดีขึ้นไปเฝ้าฯ แล้วมีพระราชดำรัสว่า 
        คุณสุริยภักดีนั้นยังเป็นหนุ่มคะนอง ย่อมจะทำอะไรผิดพลาดไปโดยไม่รู้ผิดรู้ชอบ 
        ตุลาการก็ได้กราบบังคมทูลขึ้นมาแล้วว่า คุณสุริยภักดีมิได้พบปะกับเจ้าจอมอิ่มเลย 
        จึงมีพระกรุณาจะยกโทษให้ แต่เมื่อเรื่องราวอื้อฉาวมีโจทก์ฟ้องขึ้นมาเช่นนี้ 
        จะทรงพระกรุณานิ่งเสียก็ไม่ได้ จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยควรจะขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นมา 
        และทำทัณฑ์บนไว้ให้แก่คุณสุริยภักดี ก็จะโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษให้ 
        แต่สมเด็จ เจ้าพระยาองค์น้อย ท่านกราบบังคมทูลว่า ท่านเองเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ 
        เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อบุตรของท่านเองทำผิดบทพระอัยการร้ายแรงถึงเพียงนั้น 
        หาก ไม่ลงพระราชอาญาไปตามโทษานุโทษแล้ว ก็จะเสียหาย แก่แผ่นดินยิ่งนัก เหมือนกับว่าถ้าเป็นบุตรของท่านแล้วย่อมจะทำอะไรทำได้ไม่เป็นผิด 
        จึงขอพระราชทานให้ลงพระอาญาตามแต่ลูกขุนจะปรึกษาโทษเถิด พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าฯ 
        จึงโปรดฯ ให้ลูกขุนปรึกษาโทษตามที่ท่านกราบบังคมทูล ลูกขุนเชิญบทพระกฤษฎีกาออกมาดูแล้ว 
        ปรากฎในบทพระกฤษฎีกาว่า ชายใดบังอาจสมรักด้วยนางใน ก็ให้ประหารชีวิตเสียทั้งชายหญิง 
        ส่วนผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ ก็ให้ประหารชีวิตเสียด้วย 
       ลูกขุนที่กล่าวนี้คือ ลูกขุนศาลา เมื่อในขณะนั้นสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย 
        ท่านเป็นถึงตำแหน่งพระยาศรีพิพัฒน์ฯ ท่านก็ต้องอยู่ในคณะลูกขุนนั้นด้วย และเมื่อลูกขุนนำความกราบบังคมทูลแล้ว 
        ก็โปรดฯ ให้เป็นไปตามคำลูกขุนปรึกษา คุณสุริยภักดี เจ้าจอมอิ่ม และคนที่เกี่ยวข้องอีก 
        ๗ คน ก็ถูกประหารชีวิตที่ตำบลสำเหร่ การที่สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยมิได้ยอมรับพระมหากรุณาธิคุณ 
        ถึงแม้ว่าผู้ผิดจะเป็นบุตรคนใหญ่ของท่านเอง ซึ่งเกิดแต่ท่านผู้หญิง จึงเป็นการกระทำเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย 
        เป็นเยี่ยงอย่างอันดีแก่คนในแผ่นดิน และเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลของท่านสืบมา 
        คุณสุริยภักดีนั้นถึงจะตายด้วยโทษประหาร และตายแต่ยังเยาว์ก่อนอายุขัย ก็มิได้ตายเปล่า" 
       พระสุริยภักดี (สนิท) สมรสกับศรี ธิดาพระยาอุไทยธรรม (กลาง ณ บางช้าง) 
        มีบุตรธิดา ๓ คน และมีบุตรธิดากับภรรยาอื่น ๑๑ คน ท่านมีธิดาเป็นส่วนใหญ่ 
        ธิดาท่านหนึ่งชื่อ สุด เป็นท่านเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๔ ธิดาชื่อ เดิม เป็นคุณหญิงของพระยาสุรศักดิ์มนตรี 
        (แสง ต้นสกุล แสง-ชูโต) และเป็นมารดาของจอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม 
        แสง-ชูโต) และธิดาชื่อ เขียน เป็นภรรยา ของนายสนิทยศสถาน (พร้อม จาตุรงคกุล) 
        เป็นต้น  
       
      
         
            | 
           
             หน้า 14 
           | 
           
            
           | 
         
       
        
       
       
      
         
          |  
             สายเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล 
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
       
       
      
     |