  | 
         
       
      
           
      
         
          |  
               
              มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) 
              นักเศรษฐศาสตร์คนแรกของสยามประเทศ  
           | 
           
              (14) ๔:ด:2 มหาอำมาตย์เอก 
              พระยาสุริยานุวัตร มีนามว่า เกิด เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. 
              ๒๔๐๕ เป็นบุตรพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม) มารดาชื่อ ศิลา เมื่อเยาว์ได้ศึกษาหนังสือไทย 
              ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ต่อมาในปี 
              พ.ศ. ๒๔๑๔ ได้ไปศึกษาที่ปีนังและกัลกัตตา ซึ่งสมเด็จเจ้าพระยาฯ เป็นผู้ส่งไป 
              ได้ศึกษาวิชาอยู่ ๕ ปี จึงกลับเข้ามาประเทศสยาม พ.ศ. ๒๔๑๙ เข้ารับราชการในกรมมหาดเล็ก 
              ตำแหน่งนายเวรฤทธิมหาดเล็ก ต่อมาไปรับราชการกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งผู้ช่วยข้าหลวงตะวันตก 
              มีหน้าที่เป็นผู้เก็บและจ่ายเงินหลวง และเป็นล่ามทำหนังสือราชการเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ 
             พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสุริยานุวัตร ต่อมารับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยข้าหลวงมณฑลพายัพ 
              และกำกับตำแหน่งกรมคลังเมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง  
            พ.ศ. ๒๔๓๐ เป็นผู้ช่วยทูตประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ ณ กรุงลอนดอน ระหว่างรับราชการได้เรียบ 
              เรียงหนังสือเรื่องขนบธรรมเนียมราชการต่างประเทศขึ้น ซึ่งได้ใช้เป็นประโยชน์แก่ราชการในสมัยนั้น 
              นับว่าเป็นตำรากฎหมายและการปฏิบัติระหว่างประเทศ เรื่องการทูตภาษาไทยเล่มแรก 
            พ.ศ. ๒๔๓๒ กลับเข้ามารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และได้รับตำแหน่งอุปทูตประจำกรุงเบอร์ลิน 
              ประเทศเยอรมนี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนรัฐบาลเข้าร่วมประชุม ในการเจรจาทำสัญญากับฝรั่งเศสเกี่ยวกับดินแดนลุ่มน้ำโขง 
             
             | 
         
       
      พ.ศ. ๒๔๓๙ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสุริยานุวัตร และออกไปเป็นอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศส 
        อิตาลี สเปน และรัสเซีย รวม ๔ ประเทศ โดยมีสำนักงานอยู่ ณ กรุงปารีส ระหว่างที่ประจำการอยู่นั้น 
        รัฐบาลได้มอบให้เป็นผู้จัดการออกพันธบัตรกู้เงินในประเทศอังกฤษ ให้เป็นข้าหลวงไปประชุมในเรื่อง 
        PEACE CONFERENCE ที่กรุงเฮกส์ ประเทศเนเธอร์แลนด์  
      
         
          |  
             พ.ศ. ๒๔๔๒ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ 
            พ.ศ. ๒๔๔๔ ได้ดำริทำโค๊ตโทรเลขเพื่อใช้ในราชการ ทูตชื่อ "สุริยาโค๊ต" 
              เล่มหนึ่ง และ "สยามคูโต" เล่มหนึ่ง ซึ่งได้ใช้ในราชการตั้งแต่ 
              พ.ศ. ๒๔๔๗ เป็นต้นมา  
            พ.ศ. ๒๔๔๖ ได้รับมอบอำนาจให้เจรจาและลงนามในสัญญากับฝรั่งเศส ฉบับลงวันที่ 
              ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๖ จนฝรั่งเศสถอนทหารไปจากจันทบุรีหมด ต่อมาได้รับมอบอำนาจให้ลงนามในสัญญาทางพระราชไมตรี 
              ระหว่างสยามกับอิตาลี ฉบับลงวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ นอกจากนี้ได้เป็นผู้ช่วยเหลือในการเจรจากับอังกฤษ 
              เกี่ยวกับเรื่องเมืองกลันตัน และเมืองตรังกานู  
            พ.ศ. ๒๔๔๘ ย้ายกลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งรักษาการแทน เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ 
              แล้วเป็นเสนาบดีในปีเดียวกันนั้น ได้รับพระราชทานยศเป็นมหาอำมาตย์เอก 
             | 
           
               
              ภาพเขียนของพระยาสุริยานุวัตร 
              เขียนด้วยสีน้ำมันขนาดใหญ่ 
              ซึ่งจิตรกรชาวอิตาลีเป้นผู้เขียนภาพนี้เมื่อ ค.ศ. 1898 
                
             | 
         
       
       ในปีต่อมาได้เป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ 
        ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนั้น พระยาสุริยานุวัตรได้จัดการโอนจำหน่ายฝิ่นจากนายอากรมาเป็นรัฐบาลทำเอง 
        ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้นาย อากรไม่พอใจที่เสียผลประโยชน์ 
        พ.ศ. ๒๔๕๐ จึงกราบถวายบังคมลาออกจากราชการ นอกจากนี้ยังได้คิดวิธีเปลี่ยนระบบการเงินของไทย 
        จากมาตราเงินเป็นมาตราทองคำ และคิดทำสตางค์ขึ้นใช้แทนอัฐ ซึ่งสำเร็จผลต่อมาภายหลังที่ท่านลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีแล้ว 
       พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี 
        ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนหนังสือเรื่องทรัพยศาสตร์ 
        ซึ่งถือว่า เป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของประเทศไทย มีจำนวน ๓ 
        เล่ม เล่ม ๑-๒ พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๔ เล่ม ๓ พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ นอกจากนั้นยังได้เขียนบทความทางเศรษฐกิจลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ศรีกรุง 
        บทความที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากคือ เรื่อง ธนาคารชาติ 
       พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ทำหน้าที่ ที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาลที่มีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายก 
        ได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนของรัฐบาลไปเจรจากับเจ้านายฝ่ายเหนือ เรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 
       
      พระยาสุริยานุวัตร ถึงอนิจกรรมในรัชกาลที่ ๘ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 
        รวมอายุ ๗๔ ปี 
       พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) สมรสกับคุณหญิงลิ้นจี่ ธิดาพระยามนตรีสุริยวงศ์ 
        (ชุ่ม บุนนาค) มีบุตรธิดา ๗ คน บุตรได้แก่ หลวงสุริยพงศ์พิสุทธิแพทย์ (กระจ่าง) 
        แพทย์ประจำกรมรถไฟหลวง ดร.ประจวบ บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 
        เกียรติ และจรัล นับเป็นลำดับชั้นที่ ๕ และไม่มีทายาทสืบต่อสายนี้  
      ธิดาที่สำคัญได้แก่  
      
        - หม่อมลินจง เป็นหม่อมห้ามในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ 
          
 
          กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๖๔ อายุ ๓๗ 
          ปี 
        -  ธิดาชื่อ ลำจวน เป็นนางพระกำนัลในรัชกาลที่ ๖ ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ 
          ๘ พ.ศ. ๒๔๘๔ อายุ ๕๕ ปี
 
       
      
         
           
              
              ตึกสุริยานุวัตร 
           | 
           
              
              ชุดอาหารเครื่องเงินและกระเบื้องหลากหลายแบบ มีตราประจำตัวของพระยาสุริยานุวัตรติดอยู่ทุกชิ้น 
           | 
         
       
      
         
            | 
           
             หน้า 22 
           | 
           
            
           | 
         
       
        
       
       
      
         
          |  
             สายเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล 
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
         
          |  
            
           | 
         
       
       
      
     |